เรื่องจริงของน้องอองรี ผู้ป่วยภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ที่เริ่มผ่าตัดตั้งแต่ 2 ขวบและอีกเกือบ 10 ครั้งใน 12 ปี จนปัจจุบันมีพัฒนาการพูดที่ดีขึ้น

เพราะความสุขของผู้ป่วยที่กำลังรอความหวัง คือโอกาสที่จะใช้ชีวิตประจำวันอย่างเป็นปกติเหมือนคนอื่นๆ เช่นเดียวกับ

น้องอองรี - ด.ช.ณัฐพันษา พวงสมบัติ อายุ 14 ปี อีกหนึ่งเคสผู้ป่วย ที่ได้รับการช่วยเหลือจากโรงพยาบาลรามาธิบดี และเงินบริจาคของทุกคน

เพราะป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่ตั้งแต่แรกเกิด น้องอองรีต้องผ่าตัดครั้งแรกตั้งแต่วัย 2 ขวบเท่านั้น และใน 12 ปี

ต้องเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขรูปหน้ามากถึงเกือบ 10 ครั้ง เพื่อการรักษาที่ดีที่สุด โดยโรคที่น้องอองรีเป็น จำเป็นต้องใช้แพทย์เฉพาะทาง

หลากหลายสาขาวิชามารักษาร่วมกัน ได้แก่ ศัลยแพทย์ ทันตแพทย์ แพทย์โสตศอนาสิก กุมารแพทย์ และนักแก้ไขการพูด

ทำให้ไม่สามารถรักษาได้ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดนครสวรรค์ จึงถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา

ทำให้คุณแม่และน้องอองรีต้อง เดินทางมากรุงเทพฯเพื่อรักษาเป็นประจำราว 1-2 ครั้งต่อเดือน ทำให้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมากและต่อเนื่องเพื่อใช้ในการรักษาและการเดินทาง

ต่อมาในปี 2561 ครอบครัวยังต้องจัดสรรเงินอีกส่วนเพื่อรักษาคุณพ่อที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงด้วยโรคเกล็ดเลือดต่ำ ตับแข็ง และเบาหวาน

คุณแม่ตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาดูแลสมาชิกที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว นับเป็นสถานการณ์ที่ทำให้ขาดรายได้หลัก

จนทำให้คุณแม่ลังเลที่จะพาลูกมาตามที่หมอนัด เพราะไม่มีเงิน และเกรงใจว่ายังมีคนอีกจำนวนมากที่ขัดสนทำให้ไม่กล้ามาขอความช่วยเหลือ

จากสังคมสงเคราะห์และโรงพยาบาลรามาธิบดี แต่สุดท้ายงานสังคมสงเคราะห์ก็ได้เห็นและเข้าใจถึงปัญหาเหล่านี้ จึงประเมินให้ได้รับการสนับสนุน

ช่วยเหลือค่าเดินทาง ค่าส่วนเกินรักษาพยาบาล และค่าดำรงชีพ ทำให้น้องอองรีได้กลับมารักษา ที่โดยปกติทีมแพทย์สหสาขา

จะวางแผนดูแลและผ่าตัดแก้ไขความพิการบนใบหน้าของเด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่จนถึงอายุ 18 ปี

ปัจจุบันน้องอองรีพูดได้ชัดเจน ไม่มีเสียงขึ้นจมูก จนคนทั่วไปเข้าใจสิ่งที่พูดได้ ทำให้น้องอองรีสื่อสารได้ดีและมีความมั่นใจที่จะพูดคุยกับเพื่อนๆ

เงินบริจาคของคุณไม่ได้ช่วยเหลือเพียงผู้ป่วยคนเดียว แต่ยังช่วยให้ครอบครัวได้ลูกที่รักกลับไปอีกด้วย

#คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด